5 เคล็ดลับ ชงกาแฟให้ลูกค้าติดใจ
เลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง
ความสดของเมล็ด : เมล็ดกาแฟที่มีความสดใหม่จะรักษารสชาติและกลิ่นหอมได้ดีกว่าเมล็ดกาแฟที่เก็บไว้นานเพราะเมื่อกาแฟถูกคั่ว และบดรสชาติจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง
เลือกเมล็ดตามรสชาติที่ลูกค้าต้องการ : เมล็ดกาแฟประเทศต่างๆ มีรสชาติที่แตกต่างกัน เช่น กาแฟจากอิตาลีจะมีรสชาติที่เข้มข้นและขม ส่วนกาแฟจากบราซิลจะมีรสชาตินุ่มนวล และหวาน
การบดเมล็ดกาแฟให้เหมาะสม
กาแฟดริป : ควรบดเมล็ดกาแฟให้มีความหยาบหน่อยเพื่อให้น้ำกาแฟไหลผ่านได้ดีซึ่งจะช่วยให้รสชาติที่ได้ออกมานุ่มนวล
กาแฟเอสเปรสโซ่ : ควรบดให้ละเอียดมากกว่ากาแฟดริป เพื่อให้มีพื้นที่สัมผัสระหว่างกาแฟกับน้ำในระหว่างการสกัด ทำให้รสชาติมีความเข้มข้น
เครื่องบด : ใช้เครื่องบดกาแฟที่มีความคงที่ในการบด เพื่อให้ได้ความละเอียดที่เหมาะสมในทุกๆ ครั้ง
อุณหภูมิของน้ำ
เลือกต้มที่อุณหภูมิ 90-95 องศาเซลเซียสซึ่งจะทำให้กาแฟมีรสชาติ เเละกลิ่นที่ดี
สัดส่วนกาแฟกับน้ำ
ควรใช้สัดส่วนกาแฟและน้ำที่เหมาะสม (โดยทั่วไปใช้ 1:15 ถึง 1:18 สำหรับกาแฟดริป) เพื่อให้กาแฟมีรสชาติที่เข้มข้นและไม่ขมเกินไป
ปริมาณที่เหมาะสม : สำหรับกาแฟเอสเปรสโซ่ การใช้กาแฟประมาณ 18-20 กรัมต่อน้ำ 36-40 มิลลิลิตรเป็นสัดส่วนที่นิยมใช้
ความสะอาดของอุปกรณ์
อุปกรณ์ที่สะอาด : ทุกครั้งที่ใช้เครื่องชงกาแฟ ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ให้สะอาดเพราะคราบกาแฟเก่าๆ ที่สะสมอยู่ในเครื่องจะทำให้รสชาติของกาแฟไม่ดี
การทำความสะอาดเครื่องบด : ควรทำความสะอาดเครื่องบดกาแฟทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมันกาแฟที่อาจทำให้รสชาติกาแฟเสีย
อย่าลืมปรับรสชาติให้ตรงความต้องการของลูกค้านะคะ ลูกค้าบางคนอาจชอบกาแฟที่มีรสชาติที่นุ่มนวลหรือหวานมากขึ้นสามารถปรับแต่งได้โดยการเติมน้ำตาลหรือนมตามความชอบ
.
การชงกาแฟที่ดีคือการใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระบวนการ ตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟจนถึงการเสิร์ฟให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด